
ลูกน้ำ เป็นอาหารธรรมชาติที่สำคัญในการเลี้ยงปลาสวยงาม มันเป็นอาหารมีชีวิตที่จำเป็นสำหรับหลายชนิดของปลาสวยงาม ที่ร้านขายปลาสวยงามทั้งในประเทศและต่างประเทศจะนำลูกน้ำมาจำหน่ายในปริมาณมาก เพื่อเลี้ยงปลาสวยงามในสวนน้ำของพวกเขา นอกจากนี้ มีการสร้างฟาร์มเพาะเลี้ยงลูกน้ำมากขึ้น เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการผลิตลูกน้ำในปริมาณมาก
ตัวอย่างเช่น จรินพรฟาร์มที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนครปฐม ในปี 2549 ได้สร้างโรงเรือนไก่ไข่พร้อมบ่อซีเมนต์อยู่ด้านล่างเพื่อเลี้ยง ลูกน้ำ พื้นที่ประมาณ 2 ไร่ สามารถผลิตลูกน้ำวันละ 200 – 300 กิโลกรัม ซึ่งมีราคาขายประมาณ 60.00 บาทต่อกิโลกรัม รายได้เฉพาะจากลูกน้ำสามารถคำนวณเป็น 12,000 – 18,000 บาทต่อวัน น่าสังเกตว่าลูกน้ำมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม

วิธีการเพาะเลี้ยงลูกน้ำ
ขั้นตอนที่ 1 : การเตรียมบ่อวางไข่
- เลือกใช้กะละมังขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 – 75 เซนติเมตร
- ใส่น้ำในกะละมังประมาณครึ่งกะละมัง
- เพิ่มวัสดุที่ใช้หมักเพื่อสร้างกลิ่นเหม็นล่อยุงเช่นเปลือกแตงโม, เปลือกขนุน, เปลือกมะละกอ, หรือฟางข้าวลงไปในน้ำและนำไปหมักเพื่อให้เกิดกลิ่นเหม็น
- หมักน้ำไว้ 2-3 วันและใช้แผ่นพลาสติกปิดบ่อให้มีช่องเพียงพอสำหรับยุงมาวางไข่
ขั้นตอนที่ 2 : การรวบรวมแพไข่ของยุง
- ในเช้าวันถัดไปเปิดแผ่นพลาสติกและสังเกตที่ผิวน้ำบริเวณวัสดุที่หมัก เมื่อยุงวางไข่เสร็จแพไข่จะมีลักษณะเป็นแพสีดำรูปวงรีขนาดเล็ก โดยมีความกว้างประมาณ 1 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 3 – 5 มิลลิเมตร
- ประมาณ 20 – 30 นาทีหลังจากวางไข่, แพไข่จะเปลี่ยนสีค่อยๆจนกลายเป็นสีดำ
- นำแพไข่แต่ละแพไปตักขึ้นและวางไว้ในกะละมังที่เตรียมไว้สำหรับขั้นตอนถัดไป. ปริมาณของแพไข่ขึ้นอยู่กับอายุและความสมบูรณ์ของยุง
ขั้นตอนที่ 3 : การเลี้ยงลูกน้ำ
- เตรียมกะละมังสำหรับเลี้ยงลูกน้ำไว้ 5 – 7 ใบ/ 1 ชุด
- แต่ละใบกะละมังจะใช้สำหรับฟักและเลี้ยงลูกน้ำจากไข่ที่รวบรวมได้ในแต่ละวัน
- ลูกน้ำในระยะลูกน้ำจะมีอายุประมาณ 5 – 7 วัน, หลังจากนั้นจะเข้าสู่ระยะดักแด้
- ในช่วงอายุ 5 – 7 วันนี้ลูกน้ำจะกินอาหารเก่งและมีการลอกคราบไปด้วย
- ให้โรยอาหารสัตว์ที่เป็นอาหารผงเช่นอาหารไก่, อาหารหมู, หรืออาหารเป็ดไข่ลงบนผิวน้ำในกะละมังในตอนเช้าและเย็นวันละ 2 ครั้ง
- ให้อาหารมากเกินความจำเป็นเพื่อให้ลูกน้ำได้รับสารอาหารเพียงพอ ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำเน่าหรือปริมาณออกซิเจนในน้ำ
ขั้นตอนที่ 4 : การเก็บเกี่ยวลูกน้ำ
- เมื่อลูกน้ำมีอายุ 5 – 7 วันและมีขนาดเหมาะสม, ใช้กระชอนช้อนเศษอาหารและสิ่งสกปรกต่างๆที่อยู่บนผิวน้ำออก.
- ทำขั้นตอน 4.1 – 4.3 เพื่อทำความสะอาดลูกน้ำ.
- นำลูกน้ำที่ได้ไปปล่อยในน้ำใหม่ในกะละมังขนาดเล็ก
ขั้นตอนที่ 5 : การเปลี่ยนวัสดุในบ่อวางไข่ วัสดุที่ใช้ในบ่อวางไข่จะเริ่มเน่าอยู่ประมาณ 7 – 10 วัน และจะมีผลทำให้ยุงมาวางไข่น้อยลง

ข้อดีของการเพาะเลี้ยงลูกน้ำ
- ใช้พื้นที่ไม่มาก : การเพาะเลี้ยงลูกน้ำไม่ต้องใช้พื้นที่มากเท่ากับการเพาะเลี้ยงปลาในบ่อใหญ่ นี่คือวิธีที่เหมาะสำหรับครัวเรือนที่มีพื้นที่จำกัดหรือไม่มีสวนใหญ่ในการเลี้ยงปลา
- ค่าใช้จ่ายต่ำ : การเตรียมภาชนะเลี้ยงลูกน้ำไม่ต้องใช้เงินทุนมากและสามารถใช้ได้นานหลายปีโดยเรียกใช้ค่าบำรุงรักษาเท่านั้น การทำความสะอาดและเคลื่อนย้ายก็ง่ายและไม่ซับซ้อน
- หลายวัสดุในบ่อวางไข่ : การเลี้ยงลูกน้ำใช้วัสดุในบ่อวางไข่ที่หลากหลาย เช่น เปลือกแตงโม หรือเปลือกขนุน ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้วัสดุที่สะดวกสบายและที่มีอยู่ในบริเวณของคุณ
- การผลิตลูกน้ำต่อเนื่อง : การเพาะเลี้ยงลูกน้ำมีความสามารถในการผลิตลูกน้ำอย่างต่อเนื่องทุกวัน นี่เหมาะสำหรับผู้ที่เลี้ยงปลาสวยงามเป็นอาชีพและต้องการอาหารมีชีวิตสำหรับปลาของพวกเขา
- ลูกน้ำสะอาดและปลอดโรค : ลูกน้ำที่ได้จะมีความสะอาดและปลอดโรค เนื่องจากไม่มีปรสิตหรือสิ่งอันตรายต่อปลาที่เลี้ยงได้เข้ามาในบ่อ
- ใช้ในการอนุบาลลูกปลา : ลูกน้ำที่ได้จากการเพาะเลี้ยงสามารถนำมาใช้ในการอนุบาลลูกปลาได้ เพราะขนาดของลูกน้ำในวันแรกมักเล็กมากและเหมาะสำหรับการเลี้ยงลูกปลาขนาดเล็ก เช่น ปลาทอง ปลาเทวดา และปลาออสการ์
ติดตามสายพันธุ์ปลากัดเพิ่มเติม :: พันธุ์ปลากัด